หลังจากหมดภาระเรื่องที่นอนแล้ว เราสองคนเลยนั่งซักไซ้ไล่เลียงคุณป้าเจ้าของบ้านเรื่องประเพณีการตักบาตรข้าวเหนียว แกก็ว่าตักแต่ข้าวเหนียวก็พอ เพราะตอนสายๆ จะมีคนเอากับข้าวไปที่วัดเอง เป็นอันสรุปว่าพรุ่งนี้ตอนเข้าเรามีกิจกรรมบนถนนสายริมโขงแน่
ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เราบ่ายหน้าออกจากที่พักมุ่งไปยังแก่งคุดคู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ไปไม่ยากเลย และไม่ไกลจากตัวเมืองสักเท่าไหร่ แค่ขับรถไปตามป้ายเท่านั้น ลึกๆ ในใจแสวงหาอากาศหนาวที่ยังพอมีเหลืออยู่ และวาดภาพเอาไว้ว่าแกงคุดคู้คงเหมือนแก่งตะนะที่อุบล
เราเดินถ่ายภาพตรงส่วนบนของแก่งมองเห็นเป็นมุมกว้าง มีร้านขายอาหารตรงชายหาดเป็นแนวยาว คนแถวนี้คงใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
แก่งคุดคู้ ที่ชมวิวด้านบน |
| เราต้องเดินลงบันไดสูงลงไปตรงหาดข้างล่าง ฝั่งตรงข้ามเป็นฝั่งลาว ตรงนี้ใกล้กันมาก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปท่องเที่ยวได้ เห็นฝั่งขะโน้นแล้วรู้สึกว่าแท้จริงพวกเราก็คนเชื้อชาติเดียวกัน ห่างกันแค่ลำน้ำโขงเท่านั้น |
ใกล้ค่ำแล้วอากาศเริ่มเย็นพอประมาณไม่ถึงกับหนาวมาก เรากับเจ้าหมูอ้วนชวนกันกลับ มีแวะเข้าไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งก่อน ที่อยู่ตรงข้ามสำนักสงฆ์และโรงเรียน ใกล้ๆกับแก่งคุดคู้ ระหว่างทาง โบสถ์ที่นี่ดูเรียบง่ายดี ไม่ได้ตกแต่งลงรักปิดทองหรูหราเหมือนของอยุธยา แต่ให้ความรู้สึกธรรมดาและเรียบง่ายดีเหมือนกัน เสียดายเพราะใกล้ค่ำแล้วเลยไม่สามารถโอ้เอ้ถ่ายรูปได้
หลังจากหาข้าวเย็นที่ไม่ใช่ข้าวปุ้นน้ำแจ่วใส่ท้องเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปจอดรถตรงที่พักก่อน โฮมสเตย์ของคุณป้าที่ว่างในตอนแรกกลับเต็มขึ้นมาทันที หนำซ้ำคนที่มาพักทีหลังขอเปลี่ยนให้เราสองคนไปนอนห้องส่วนตัวข้างบนซึ่งราคาแพงกว่า ส่วนพวกขอนอนข้างล่างโดยที่เราไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เลยสบายไป
อาจเป็นเพราะเราเป็นคนเหนือ และเดินทางดูถนนคนเดินมาหลายจังหวัดแล้วจึงรู้สึกเฉยๆ ยังไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากที่เคยเห็นมา ของฝากก็ไม่มีจะให้ใครเป็นพิเศษ เลยเดินและหาของกินเสียมากกว่า น้องๆ วัยรุ่นนักท่องเที่ยวยังเดินอยู่อยู่กันเต็ม ถ้าเป็นวันหยุดกับเวลาท่องเที่ยวจริงๆ ผู้คนคงเบียดเสียดกันน่าดู ธีมของถนนคงคล้ายที่ปาย แม่ฮ่องสอน เสียดายที่ไม่มีฝีมือถ่ายรูป มีปัญญาเรื่องจัดกล้องเรื่องแสงตลอด
ขออภัยวางรูปที่มีตัวเราไม่ได้เดี๋ยวเจ้านายรู้ว่าหนีงานไปเที่ยว |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น